Book Review

หนังสือ 

การกำกับภาพยนตร์

Flim Directing







       การกำกับภาพยนตร์ หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นด้วย ผศ.ปกรณ์ พรหมวิทักษ์ ซึ่งเป็น อาจารย์ของมหาวิทยาลับรังสิต วิทยาลัยนิเทศศาตร์ สาขาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ที่ผมกำลังศึกษาอยู่
เพราะมันตรงกับหลักสูตรที่ผมเรียน ให้ความรู้เกี่ยวกับการกำกับภาพยนตร์ ซึ่งปัจจุบันสื่อภาพยนตร์มีบทบาทในสังคมอยู่มาก หนังสือเล่มนี้จะช่วยบอก การกำกับภาพยนตร์ที่ดีเป็นยังไง การกำกับภาพยนตร์เป็นการควบคุมทุกอย่างในกองถ่าย ที่เกี่ยวข้องกับภาพและเสียง การดำเนินเรื่อง มุมกล้อง บทสนทนา สเปเชียลเอฟเฟค กำกับนักแสดงให้เล่นได้ตามบทบาท มีความสำคัญต่อภาพรวมทั้งหมดของหนัง 1 เรื่อง ผู้กำกับภาพยนตร์ ควรมีคุณสมบัติหลายอย่าง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความรอบรู้ รอบคอบ ผู้กำกับมีหน้าที่ควบคุมภาพรวม ควบคุมกองถ่ายทั้งหมด การกำกับเรื่อง จะเป็นการกำกับเนื้อหา เรื่องราว ตามบท การกำกับการแสดง จะเป็นการเน้นที่ตัวนักแสดงโดยตรง เพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงบทบาทให้ได้มากที่สุด การลำดับภาพก็คือช่วง Post Production เป็นการนำสิ่งที่ถ่ายทั้งหมดมาตัดต่อให้ได้จังหวะที่ดีและเหมาะสม


การกำกับภาพยนตร์ หมายถึง การกำหนดทิศทางของภาพยนตร์ ให้ไปในทางที่ผู้กำกับภาพยนตร์ต้องการ กล่าวคือ ภาพยนตร์ถือเป็นศิลปะประเภทหนึ่ง เช่นเดียวกับศิลปะอื่นๆ แต่เป็นศิลปะที่ประกอบด้วยการทำงานจากหลายๆฝ่าย หรือที่เรียกว่า ศฺลปะแห่งการผสมผสาน ซึ่งแต่ละฝ่ายจะนำความสามารถ เฉพาะด้านมาร่วมกันทำงาน เช่น ความสามารถของนักเขียนบท นักดนตรี นักออกแบบฉาก นักแสดง ฯลฯ และความสามารถของทุกคนที่มาร่วมงานกันนั้นจะต้องมีทิศทางที่เป็นหนึ่งเดียว ทิศทางที่เป็นหนึ่งเดียวนี้เกิดจากการ "กำกับภาพยนตร์" (Flim Directing
ภาพยนตร์เรื่อวหนึ่งๆ จะสำเร็จลงได้ ต้องประกอบด้วยการทำงานจากหลายๆฝ่าย ซึ่งแต่ละฝ่ายนั้น ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ หรือทำงานตามบทภาพยนตร์ที่เขียนไว้ แต่จะต้องทำตาม "การกำกับ" ภายใต้การควคุมของผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งภาระหน้าที่ของผู้กำกับภาพยนตร์มีดังนี้

ควบคุมความกลมกลืนและเอกภาพ , แก้ปัญหาในทางศิลปะ , ช่วยแก้ปัญหาของทีมงาน
มีมุมมองชีวิต เพิ่มปรัชญาความคิดในงาน , ลักษณะเฉาะตัว , ใช้เทคนิคที่ได้เจนจัดสอดคล้องกับเนื้อหา
มีจินตนาการและรสนิยม , สร้างสรรค์สิงใหม่
ผู้กำกับภาพยนตร์มีบทบาทสำคัญมากในการสร้างภาพยนตร์ให้มีคุณค่า เขาจึงต้องมีคุณสมบัติและหน้าที่หลากหลาย มีความชำนาญและแม่นยำในความรู้พื้นฐานของการกำกับภาพยนตร์ จะทำให้เขาสร้างงานได้ลุล่วง และได้ผลงานที่มีคุณภาพ ความรู้พื้นฐานหลักมีดังนี้
รู้กฏ 180 องศา , รู้ขนาดภาพและมุมกล้อง , รู้การใช้เลนส์ ,รู้และเข้าใจสิ่งที่อยู่ในกรอบภาพ


ภาพยนตร์เป็นศิลปะแบบหนึ่ง ที่รูปแบบและลีลาจะแตกต่างกันไปจามการ กำหนดทิศทาง ของผู้กำกับภาพยนตร์ ภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะถ่ายทอดมากจินตนาการของผู้กำกับภาพยนตร์ ลีลาการแสดงออกทางศิลปะของผู้กำกับภาพยนตร์ แต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป เช่น

 - สตีเฟ่น สปิลเบิร์ก (ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง E.T , Jurassic Park , War Horse) จะกำกับภาพยนตร์ให้มีอารมณ์ของเด็กอยู่เสมอ และเขามีความสามรถใรการกำกับภาพยนตร์เด็กได้ในระดับดี
 - คริสโตโฟอร์ โนแลน (ผู้กำกับภาพยนตร์ เรื่อง The Presting , Inception , The Dark Night Rises) จะสร้างเรื่องและเขียนบทสลับซับซ้อนเข้าใจยาก เพื่อท้าทายการตีความของคนดู เขากล่าวว่าเขาจะทำภาพยนตร์ให้ดูยากเข้าไว้เพื่อให้ผู้ชมได้ครุ่นคิด
หน้าที่ของผู้กำกับภาพยนตร์ตั้งแต่เริ่มสร้างจนถึงภาพยนตร์เสร้จออกมา จะแบ่งเป็น 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่ หน้าที่ก่อนการถ่ายทำ , หน้าที่ระหว่างการถ่ายทำ , หน้าที่หลังการถ่ายทำ หน้าที่ก่อนการถ่ายทำมีดังนี้
การศึกษาบท , การคัดเลือกนักแสดง , การเตรียมนักแสดง , การซ้อมแสดงกับบท ,การวางผังตัวละคร
การแบ่งช่วงจังหวะของอารมณ์ , การจัดทีมงาม , การจัดประชุมทีมงาน
หน้าที่ระหว่างการถ่ายทำ มีดังนี้
การวางตำแหน่งกล้องและผู้แสดง ,การกำกับควบคุมการแสดงและทีมงาน , การถ่ายเผื่อ 
หน้าที่หลังการถ่ายทำ มีดังนี้ , การตรวจสอบผลการถ่ายทำ , การประสานงานและการสร้างสรรค์การตัดต่อ , การทำงานกับผู้กำกับดนตรี , การทำงานกับวิศวกรเสียง
บทภาพยนตร์เป็นเสมือนแบบพิมพ์เขียวของสถาปนิก ผู้กำกับคนแรกของภาพยนตร์คือผู้เขียนบทภาพยนตร์ โดยเริ่มจากการสร้างความคิดบนกระดาษเปล่า เขาจะกำหนดว่าภาพยนตร์จะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของใคร หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นงานที่เริ่มต้นด้วยความคิด จินตนาการ การบรรยายเหตุการ บทพูด มุมภาพ การเรียงลำดับฉาก ฯลฯ เมื่อมีบทภาพยนตร์อยู่ในมือ ผู้กำกับจะทำการ กำกับบทภาพยนตร์ โดยการนำบทภาพยนตร์นั้นมาอ่านช้าๆหลายๆครั้ง ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมของภาพยนตร์เรื่องนั้นๆตลอดทั้งเรื่อง
ภาพเป็นสิ่งสำคัญมากในงานภาพยนตร์ ผู้กำกับภาพยนตร์จะต้องนึกภาพออกว่า ภาพยนตร์ของตนนั้นจะมีภาพต่างๆ ในแต่ละคัทเป็นอย่างไร เขาอาจจะต้องร่างภาพ ซึ่งคล้ายๆ กับสตอรี่บอร์ดคร่าวๆ อาจจะไม่ครบทุกคัท ร่างภาพพอให้เห็นว่าฉากที่อยากได้นั้นเป็นอย่างไร มีภาพมุมสูง มุมต่ำ มีแสงและเงาอย่างไร ก็จะวาดภาพนั้นออกมา การกำกับภาพที่ผู้กำกับควรสนใจได้แก่
-ขนาดภาพและมุมกล้อง , การจัดแสง , การเลือกสี , การเคลื่อนไหวภาพ ,การเลือกใช้ภาพพิเศษ
ในการสร้างภาพยนตร์ ผู้กำกับภาพยนตร์จะเป็นผู้เลือกผู้ตัดต่อลำดับภาพที่เขาเชื่อใจตัดต่อให้ คำว่าเชื่อใจนั้นหมายถึง การที่ผู้ตัดต่อลำดับภาพสามารถจะเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด สไตล์ของผู้กำกับภาพยนตร์คนนั้นเป็นอย่างดี และเข้าถึงภาพยนตร์ที่เขากำกับได้อย่างลึกซึ้ง
เป็นหนังสือที่ผู้กำกับภาพยนตร์จะต้องเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี ในการสร้างภาพยนตร์นั้น มีวิธีการเล่าเรื่องอยู่หลายแนว และแต่ละแนวนั้น ก็ขึ้นอยู่กัว่าเขาจะยึดถือและถนัดแนวใด ผู้กำกับภาพยนตร์ก็เหมือนกับนักเล่านิทาน เขาจะจินตนาการว่าทุกขณะที่เขาเล่าเรื่อง ผู้ชมจะรู้สึกอย่างไร มีความสนใจใคร่ติดตามเรื่องราวแค่ไหน อย่างไร ผู้ชมจะมีความเข้าใจในตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่อย่างไร
ภาพยนตร์เรื่องยาว ถือว่าเป็นศิลปะชอง Life Action ซึ่งหมายถึง ชีวิต ที่มี การกระทำ เราต้องเข้าใจว่าว่าคำว่า action นั้นหมายถึง ความต้องการภายในจิตใจของตัวละคร เช่น ต้องการให้นางเอกรัก ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม ฯลฯ เรามักเข้าใจผิดว่า action หมายถึงการ ทำโน่น ทำนี่ หยิบฉวยสิ่งของ ในศาตร์ศิลปะภาพยนตร์เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า business แปลเป็นไทยว่า ภารกิจ เช่นการอยากให้นางเอกรักนั้นคือ action ส่วน business คือซื้อดอกไม้ให้ พาไปเที่ยว โทรศัพท์ไปหา กล่าวโยสรุปคือ action คือความมุ่งหมาย business คือการกระทำต่างๆ ที่นำไปสู่จุดมุ่งหมาย ในactionหนึ่งจะมีหลาย business โดยผู้เขียนบทและผู้กำกับจะเลือก business ไหนก็ได้เพื่อบอก action ของตัวละคร





Creative Commons License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

No comments:

Post a Comment

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0 International License .